ไขข้อข้องใจ! ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดใช้ดีไหม? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย

ไขข้อข้องใจ! ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดใช้ดีไหม เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย

ไขข้อข้องใจ! ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดใช้ดีไหม? เจาะลึกข้อดี-ข้อเสีย

ในวงการอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ คำถามที่ผู้ประกอบการหลายท่าน โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจและโรงงานเฟอร์นิเจอร์มักจะถกเถียงกันอยู่เสมอคือไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด (Particle Board) ใช้ดีจริงไหม? บ้างก็ว่าราคาถูก ใช้งานง่าย แต่บ้างก็กังวลเรื่องความทนทานและความชื้น ในฐานะที่ RMC Group ได้คลุกคลีและดำเนินธุรกิจเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดมายาวนานกว่า 32 ปี เราเข้าใจถึงความต้องการและความกังวลเหล่านั้นเป็นอย่างดี

วันนี้ เราจะมาไขทุกข้อข้องใจ เจาะลึกถึงแก่นแท้ของไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดแบบหมดเปลือก ทั้งข้อดี-ข้อเสีย พร้อมให้คำแนะนำที่กลั่นกรองจากประสบการณ์จริง เพื่อให้ท่านสามารถตัดสินใจเลือกใช้วัสดุที่ “ใช่” ที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ทำความรู้จักไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ก่อนจะไปตัดสินว่าดีหรือไม่ดี เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดคืออะไร? ไม้ชนิดนี้คือแผ่นไม้เชิงวิศวกรรม (Engineered Wood) ที่ผลิตจากการนำเศษไม้ หรือชิ้นไม้ขนาดเล็ก (Wood Chips) มาผสมกับกาวสังเคราะห์ (Resin) แล้วนำไปผ่านกระบวนการอัดขึ้นรูปด้วยความร้อนและแรงดันสูง จนกลายเป็นแผ่นไม้ที่มีความหนาแน่นและพื้นผิวที่เรียบเนียน ถือเป็นวัสดุหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ในปัจจุบัน

เจาะลึกข้อดีของไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด ที่ผู้ประกอบการต้องรู้

จากประสบการณ์ของเรา นี่คือข้อได้เปรียบหลักๆ ที่ทำให้ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์เสมอมา

  1. ต้นทุนที่เป็นมิตร ควบคุมงบประมาณได้อยู่หมัด นี่คือจุดเด่นที่ชัดเจนที่สุด ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดมีราคาที่ย่อมเยากว่าไม้อัด (Plywood), MDF หรือไม้จริงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นการใช้วัสดุรีไซเคิลจากเศษไม้ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้มาก ส่งผลให้สามารถตั้งราคาจำหน่ายที่แข่งขันในตลาดได้ หรือเพิ่มอัตรากำไรให้กับธุรกิจได้โดยตรง
  2. น้ำหนักเบา ขนย้ายสะดวก ลดต้นทุนโลจิสติกส์ เมื่อเทียบกับ MDF หรือไม้จริงในขนาดเดียวกัน ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดมีน้ำหนักเบากว่าอย่างเห็นได้ชัด ข้อดีนี้ส่งผลโดยตรงต่อกระบวนการผลิต ทำให้พนักงานทำงานง่ายขึ้น ประกอบเร็วขึ้น และที่สำคัญคือช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งสินค้าไปยังลูกค้าปลายทางได้อย่างมหาศาล
  3. พื้นผิวเรียบเนียน สม่ำเสมอ ปิดผิวสวยงาม ด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ทำให้ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดมีพื้นผิวที่เรียบสม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่น ไม่มีตาไม้หรือร่องเสี้ยนเหมือนไม้จริง จึงเป็นคุณสมบัติที่สมบูรณ์แบบสำหรับการทำงานปิดผิว (Lamination) ไม่ว่าจะเป็นเมลามีน, ลามิเนต (HPL), วีเนียร์ หรือการพ่นสี ทำให้ได้ชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์ที่สวยงาม คมชัด และมีความหลากหลายในด้านดีไซน์
  4. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์เทรนด์โลก การเลือกใช้ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดถือเป็นการสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพราะเป็นการนำเศษไม้ที่อาจถูกทิ้งไปอย่างไร้ค่ากลับมาสร้างประโยชน์ใหม่ ช่วยลดปริมาณขยะและลดการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งจุดนี้สามารถนำไปเป็นจุดขายด้านการตลาดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของคุณได้อีกด้วย

เปิดทุกมุมข้อเสียของไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดและวิธีรับมือฉบับมืออาชีพ

เพื่อให้ท่านเห็นภาพครบทุกด้าน เราต้องยอมรับในข้อจำกัดและเรียนรู้วิธีจัดการกับมันอย่างมืออาชีพ

  1. ความทนทานต่อความชื้นต่ำ นี่คือข้อกังวลอันดับหนึ่งไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดไม่ถูกกับน้ำและความชื้นสูง เพราะเมื่อสัมผัสความชื้นเป็นเวลานาน ไม้จะเกิดการบวมพองและสูญเสียความแข็งแรง
  • วิธีรับมือจาก RMC Group หัวใจสำคัญคือ “การปิดผิวและขอบอย่างสมบูรณ์” การใช้เมลามีนหรือลามิเนตคุณภาพสูงปิดผิวทั้งด้านหน้า-หลัง และใช้เอจแบนด์ (Edge Banding) ปิดขอบไม้ทุกด้านอย่างมิดชิด จะสามารถป้องกันความชื้นซึมเข้าสู่เนื้อไม้ได้ดีเยี่ยม สำหรับงานที่ต้องการความทนทานต่อความชื้นสูงขึ้น ควรพิจารณาเลือกใช้ ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดทนความชื้น (HMR – High Moisture Resistance) ซึ่งมีราคาสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็คุ้มค่ากับการใช้งานในระยะยาว
  • ความแข็งแรงและการรับน้ำหนัก โดยธรรมชาติแล้ว ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดมีความแข็งแรงในการรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ไม่เท่าไม้จริง
  • วิธีรับมือจาก RMC Group การออกแบบโครงสร้างเฟอร์นิเจอร์คือคำตอบ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดแผ่นเดียวโดดๆ ในส่วนที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น ชั้นวางของยาวๆ โดยไม่มีโครงสร้างเสริม ควรมีการเสริมความแข็งแรงด้วยโครงไม้จริง, เหล็ก หรือออกแบบให้มีแผ่นไม้แนวตั้งช่วยรับน้ำหนักเป็นระยะๆ
  • การยึดเกาะของสกรูและตะปู การยึดด้วยสกรูในเนื้อไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดอาจไม่แน่นหนาเท่าไม้จริง และอาจเกิดการคลายตัวได้หากมีการถอดประกอบซ้ำๆ
  • วิธีรับมือจาก RMC Group ควรใช้สกรูสำหรับไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดโดยเฉพาะ (เกลียวหยาบ) และหลีกเลี่ยงการขันสกรูใกล้ขอบไม้มากเกินไป ในงานเฟอร์นิเจอร์น็อคดาวน์ที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ การใช้ฟิตติ้ง (Fitting) หรืออุปกรณ์เสริมประเภทตัวหนอนฝัง (Insert Nut) จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงในการยึดเกาะได้อย่างดีเยี่ยม

เลือกใช้ “ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด” อย่างไรให้เหมาะสมที่สุด

ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด เหมาะสมที่สุดสำหรับ

  • เฟอร์นิเจอร์บิ้วท์อิน (Built-in Furniture) ตู้เสื้อผ้า, ตู้ครัว (ส่วนแห้ง), ชั้นวางทีวี, ตู้เก็บของ ซึ่งเป็นงานที่ไม่ค่อยได้เคลื่อนย้ายและสามารถออกแบบโครงสร้างเสริมได้ง่าย
  • เฟอร์นิเจอร์น็อคดาวน์ (Knock-down Furniture) โต๊ะทำงาน, โต๊ะคอมพิวเตอร์, ตู้ลิ้นชัก, ชั้นหนังสือ ที่เน้นดีไซน์ทันสมัยและราคาเข้าถึงง่าย
  • โครงสร้างภายในของเฟอร์นิเจอร์ ใช้เป็นโครงภายในของโซฟา หรือส่วนประกอบที่ไม่ต้องรับน้ำหนักโดยตรง
  • ท็อปโต๊ะและเคาน์เตอร์ เหมาะสมอย่างยิ่งเมื่อปิดผิวด้วยลามิเนต (HPL) ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและความร้อนได้ดี

ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานในพื้นที่

  • ห้องน้ำ, พื้นที่กลางแจ้ง หรือบริเวณที่มีความเปียกชื้นสูงตลอดเวลา
  • ชิ้นส่วนโครงสร้างหลักที่ต้องรับน้ำหนักมหาศาลโดยไม่มีการเสริมความแข็งแรง

ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดไม่ใช่แค่วัสดุทางเลือกราคาถูก แต่เป็น “เครื่องมือ” ที่ทรงพลังสำหรับผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ หากเข้าใจในคุณสมบัติและเลือกใช้ให้ถูกที่ ถูกประเภท และถูกวิธี มันจะกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถผลิตสินค้าคุณภาพดีในต้นทุนที่ควบคุมได้ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน

หากคุณกำลังมองหาวัสดุสำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เรา บริษัท อาร์เอ็มซี กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายไม้ปาร์ติเกิลบอร์ด ไม้ปาร์ติเกิลเคลือบลามิเนต ไม้ปาร์ติเกิลปิดผิวเมลามีน ไม้ปาร์ติเกิลปิดผิวกระดาษ ไม้เอ็มดีเอฟ วัสดุปิดผิวไม้ และไม้แร็ปปิ้งต่างๆ สำหรับทำตู้เฟอร์นิเจอร์ และตู้น็อคดาวน์แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 32 ปี ในอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์และการก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ไม้ปาร์ติเกิลบอร์ดและไม้เอ็มดีเอฟของเราได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอย่างแท้จริง

ขอใบเสนอราคา ขอใบเสนอราคา : www.rmc.co.th/ใบเสนอราคา-วัสดุตู้น็อตดาวน์

สอบถามเเละสั่งซื้อสินค้าได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สามารถติดต่อ RMC GROUP ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้

Call Center : 034 813 972 80

ติดต่อฝ่ายขาย :061 980 7350

Email : info@rmc.co.th

LINE ID : @rmcgroup